ชนเผ่ามายา

 Login or Register  

history

  

ในการศึกษาความเป็นมาของชนเผ่ามายา นักมานุษยวิทยา นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีได้แบ่งยุคเป็นยุคต่างๆ ตามบันทึกเหตุการณ์ลำดับก่อนและหลังหรือตามลำดับวัน เดือน ปี ต่อนี้ ( ประวัติโดยสังเขป )

1.       ยุคแรก แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ

            ช่วงปาลีโอ – อินเดีย เป็นช่วงระหว่าง 15,000 – 7,000 ปีก่อนคริสตกาล

            ช่วงอาร์เคอิด เป็นช่วงเวลาระหว่าง 7,000 – 2,500 ปี ก่อนคริสตกาล

2.       ยุคฟอร์เมตีฟ หรือ เรียกว่ายุคฟรีคลาสสิก แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ

            ช่วงแรก คือ ช่วง 2,500 – 1,000 ปี ก่อนคริสตกาล

            ช่วงกลาง คือ ช่วง 1,00 – 300 ปี ก่อนคริสตกาล

            ช่วงปลาย คือ ช่วง 300 ปีก่อนคริสตกาล – ปีคริสต์ศักราช 300

3.       ยุคคลาสสิก ( ยุคเจริญรุ่งเรือง ) แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ

            ช่วงแรก ราวปี ค.ศ. 300 – 600

            ช่วงปลาย ราวปี ค.ศ. 600 - 900

4.       ยุคหลังคลาสสิก ( ยุคเสื่อม ) แบ่งออก เป็น 2 ช่วง

            ช่วงแรก ราว ปี ค.ศ. 900 -1,200

            ช่วงปลาย ราวปี ค.ศ. 1,200 – ยุคทหารสเปนเข้าครอบครอง

                 

                ในระหว่างปี พ.ศ. 800-1450 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยุโรปกำลังตกอยู่ในยุคมืดแห่งอวิชชา ในทวีปอเมริกากลาง ที่ปัจจุบันคือ Gualemala Mexico, Honduras, Belize และ El Salvador กำลังเป็นแหล่งอาศัยของชนเผ่ามายา (Maya) ประวัติศาสตร์ได้จารึกว่า ในระยะเวลาดังกล่าว อารยธรรมมายาได้เจริญรุ่งเรืองสุดขีดเช่น ได้สร้างพีระมิดและพระราชวังที่มโหฬารและวิจิตรอลังการมากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป 5 ศตวรรษเท่านั้นเอง อารยธรรมมายาก็ถึงแก่กาลอวสาน โดยได้สูญสลายหายไปจากโลก เมื่อผู้คนมายาพากันอพยพเผ่นหนีเมืองของตนอย่างไร้เหตุผลใดๆ หลังจากนั้นป่าก็ได้เข้าครอบคลุมและบดบังอารยสถานต่างๆ ทำให้ไม่มีมนุษย์คนใดได้เห็นอัครสถานเหล่านี้อีกเลย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2384 เมื่อ John Lloyd Stephens นักผจญภัยชาวอเมริกัน ได้พบเมือง Copan ในป่าทึบของประเทศ Honduras เราจึงได้รู้จักโลกของชาวมายาอีกครั้งหนึ่ง  ตลอดระยะเวลา 160 ปีที่ผ่านมานี้ นักโบราณคดีได้พบว่า ชนเผ่ามายามีความสามารถทางดาราศาสตร์ จนสามารถทำนายเวลาเกิดสุริยุปราคา และจันทรุปราคาได้ล่วงหน้าเป็นเวลานาน รู้จักทำปฏิทินใช้ รู้จักประดิษฐ์เลขศูนย์ใช้ในวิชาคณิตศาสตร์ รู้จักค้าขายเกลือ หยก และเครื่องปั้นดินเผา

                 สำหรับการล่มสลายของชนเผ่ามายานั้น   เมื่อสิบกว่าปีก่อนนี้ A. Demarest แห่งมหาวิทยาลัย Vanderbilt ในสหรัฐอเมริกาได้พบอักษรจารึกบนภาชนะที่ฝังในพีระมิด ซึ่งอ่านว่าความไม่อิ่มเอมในอำนาจรสของบรรดากษัตริย์ ที่ได้สู้รบกันเพื่อแย่งชิงอาณาจักรกัน คือสาเหตุหลักที่ได้ทำลายอาณาจักรมายาวายวอด เพราะเวลาเกิดสงคราม ชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่นอกเมืองต้องหนีข้าศึกอพยพเข้ามาอยู่ในเมือง ทำให้ผลิตผลการเกษตรลดปริมาณเมื่อภาวะทุพภิกขภัยบังเกิด ชาวบ้านก็ได้กรูเข้ายึดพระราชวัง เพื่อยื้อแย่งราชภักษาหารไปบริโภค และนั่นก็คือจุดจบของกษัตริย์ผู้ปกครองอาณาจักรมายา   ณ วันนี้นักโบราณคดียังไม่กับคำตอบที่ว่า สงครามกลางเมืองทำให้อาณาจักรมายาสลายเท่าใดนัก เพราะเหตุผลอื่นๆ ก็มีน้ำหนักมากเช่นกันเช่น พื้นแผ่นดินซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรมายาเป็นดินแดนที่แสนจะไร้คุณภาพ ทั้งนี้เพราะมีป่าทึบปกคลุมทำให้ฝนตกในอาณาจักรหนักมาก ซึ่งมีผลทำให้ป่ามีสิ่งมีชีวิตหนาแน่นจนเกินไป จนสัตว์ป่าได้เข้ามาคุกคามวิถีชีวิตของชาวเมือง นอกจากนี้การมีฝนตกชุกยังได้ทำให้น้ำฝนไหลชะเนื้อดินที่จะใช้สำหรับทำเกษตรกรรมหลุดไปมาก ชาวบ้านจึงทำเกษตรกรรมได้น้อยลงๆ และนั่นก็หมายความว่าสภาพทางเศรษฐกิจก็ตกต่ำลงๆ และเมื่อเรารู้ว่าการที่มนุษย์จะมีอารยธรรมได้ สภาพทางเศรษฐกิจของมนุษย์จะต้องดีก่อน เพราะมนุษย์จะได้มีเวลาอุทิศตัวสร้างสรรค์ความเจริญด้านบริหาร ศาสนา วัฒนธรรม ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ แทนที่จะคิดทำมาหากินเลี้ยงกระเพาะแต่เรื่องเดียว ดังนั้น เมื่อสภาพแวดล้อมไม่ดี ผลที่ติดตามมาคือ ชาวบ้านประสบความยากลำบาก ซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนาอารยธรรมมายาเป็นไปได้อย่างยากลำบากมาก

                     นอกจากเหตุผลนี้แล้ว ชาวมายานั้นตามปกติชอบทำเกษตรกรรมเลื่อนลอย

ซึ่งหมายความว่าชาวบ้านนิยมตัดป่าแล้วเผาป่า การทำเกษตรกรรมลักษณะนี้จึงต้องการพื้นที่ทำงานขนาดใหญ่ เกษตรกรแต่ละคนจึงตั้งบ้านเรือนอยู่กันห่างไกล การรวมพลังสร้างสรรค์ใดๆ จึงเป็นไปได้ยาก และเมื่อชาวมายานิยมแบ่งพื้นที่ให้กษัตริย์ปกครอง การต่อสู้แย่งชิงพื้นที่เกษตรกรรมจึงเกิดขึ้นบ่อย ทำให้ประเทศขาดความสามัคคี และนี่อาจเป็นสาเหตุอีกประการหนึ่งและข้อมูลที่น่าประหลาดใจอีกเรื่องหนึ่งคือ ชาวมายาไม่รู้จักใช้ล้อ และไม่รู้จักการถลุงแร่ ซึ่งแสดงว่าชนมายาดำรงชีวิตเหมือนมนุษย์หินที่รู้จักใช้เพียงไม้ กระดูกสัตว์ หินปูนและหินทรายในการสร้างเมืองเท่านั้นเอง ถึงกระนั้นชาวมายาก็ประสบความสำเร็จในการสร้างพีระมิดที่เมือง Tikal ซึ่งสูงถึง 70 เมตร โดยใช้ความรู้คณิตศาสตร์ชั้นสูงที่ตนมี

 


  

 

  

Mayans grew smokable herbs. That explains the odd way they dressed!

                      นักประวัติศาสตร์ด้านอารยธรรมมายา อีกหลายคนได้ให้เหตุผลเกี่ยวกับสาเหตุการล่มสลายของอารยธรรมนี้ว่า อาจเกิดจากความล้มเหลวทางการพาณิชย์ที่มีการเรียกเก็บภาษีจากเกษตรกรรมมากไป หรืออาจจะเกิดจากที่อาณาจักรถูกพายุทอร์นาโดถล่มหรือเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง ในอาณาจักรซึ่งได้สังหารผู้คนจำนวนนับแสนคน หรืออาจจะเกิดจากโรคร้ายแรงเช่น ทรพิษ หรือกาฬโรคที่ได้ระบาดไปทั่วอาณาจักรมายา ฯล 

            แต่เหตุผลเหล่านี้มีน้ำหนักน้อยเพราะถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เราก็จะต้องเห็นเถ้าถ่านและร่องรอยที่อาณาจักรถูกทำลาย รวมทั้งได้เห็นโครงกระดูกของชาวมายาเกลื่อนกลาดด้วย ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานในมือ แต่นักประวัติศาสตร์ก็รู้ว่าความกลัวได้ขับไล่ผู้คนให้หลบหนี และละทิ้งบ้านเมืองของตน แล้วอะไรที่ทำให้ชาวมายาผวากลัว นี่คือปริศนามายาที่ยังไม่มีคำตอบและข้อเสนอสุดท้ายเกี่ยวกับการล่มสลายของเผ่ามายา คือ การถูกชาวสเปนเข้ามารุกรานในราว ศตวรรษที่ 16 และข้อเสนอนี้ดูเหมือนจะเป็นทฤษฎีที่มีนักวิชาการให้น้ำหนักมากที่สุดเพราะจากหลักฐานที่ปรากฏจากบันทึกของชาวสเปนในสมัยนั้น

 

 

 

By A.D. 900 the Mayan culture began to decline. It is not entirely clear as to why, however many historians believe that war broke out between different members of royal families. This civil war made farming difficult, and as a result, many people died from hunger and disease. By the late A.D. 900s almost all signs of this once great civilization were gone.

 

ที่มา : www.kidspast.com/

 

 

 

 




 

 

 

 

 




Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 71,762 Today: 2 PageView/Month: 66

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...